ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก พิชิตสงครามราเม็ง: ดุ๊กดิ๊ก ๆ สนุกกว่าที่คิด

ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก เรื่องราวการผจญภัยเริ่มขึ้นในย่านไอ๋หยาทาวน์ โดยชินจัง และผองเพื่อน ได้ตัดสินใจเรียน “กังฟู” ซึ่งเป็นวิชาในตำนาน “เพลงหมัดดุ๊กดิ๊ก” จากคำชวนของ มาซาโอะ พวกเขาได้ฝึกกับนักกังฟูสาวคนหนึ่งชื่อว่า “ทามะ รัน” (พี่สาวคนสวยคนใหม่ของชินจัง) แต่แล้ววันหนึ่งเกิดวิกฤตการณ์ “แบล็คแพนด้าราเม็ง” ระบาดภายในเมืองคาซึคาเบะ แบล๊คแพนด้าราเม็ง ได้ทำให้ผู้คนติดใจในรสชาติและเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ชินจัง และผองเพื่อนจึงต้องเร่งฝึกวิชาเพื่อเข้าสู่ขั้นสุดยอดของกระบวนท่า “เพลงหมัดดุ๊กดิ๊ก” เพื่อยับยั้งวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก พิชิตสงครามราเม็ง

ชินจังเดอะมูฟวี่ดำเนินมาถึงตอนที่ 26 ด้วยชื่อสุดอลังการว่า Crayon Shin-chan: Burst Serving! Kung Fu Boys – Ramen Rebellion แปลไทยมาเป็น ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก พิชิตสงครามราเม็ง แม้จะเข้าฉายตามหลังญี่ปุ่นไปร่วมปี (ที่ญี่ปุ่นกำลังมีภาคใหม่เข้าเมษานี้แล้ว) แต่รับรองความคุ้มค่าการรอคอยสำหรับแฟนการ์ตูนชาวไทยแน่นอน

เรื่องย่อ ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก

ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก มาภาคนี้ได้ผู้กำกับแอนิเมชั่นขนาดยาวหน้าใหม่มารับหน้าที่เต็มตัวครั้งแรก สำหรับ วาตารุ ทากาฮาชิ แต่ฝีไม้ลายมือที่โลกแล่นในวงการแอนิเมชั่นนั้นไม่ธรรมดานะ เพราะเขาคือมือ ดิจิทัลคาเมร่า หรือผู้กำกับภาพสำหรับแอนิเมชั่นให้กับหนังดังค่ายจิบลิมาแล้วอย่างโชกโชนทั้ง Princess Mononoke (1997) Spirited Away (2001) และ Howl’s Moving Castle (2004) นั่นเอง ซึ่งทำให้ชินจังภาคนี้ที่ขอเรียกสั้น ๆ ว่า ชินจังกังฟู นั้นมีมุมกล้องสุดหวือหวาสมกับความเป็นภาคที่มีเรื่องกำลังภายใน และฉากแอ็กชั่นมาเป็นตัวเดินเรื่องทีเดียว

ด้านเนื้อเรื่องก็ได้คุณ อุเอะโนะ คิมิโกะ ซึ่งเคยเขียนเรื่องราวฉบับมูฟวี่ในภาค 23 หรือชื่อตอน ผจญภัยต่างแดนกับสงครามกระบองเพชรยักษ์ (Crayon Shin-chan: My Moving Story! Cactus Large Attack!) มาแล้ว ทั้งยังเคยเขียนเรื่องให้เครยอนชินจังฉบับทีวีมาถึง 2 ซีรีส์ด้วย ก็ไม่ต้องห่วงเลยว่าชินจังจะเปลี่ยนไป และก็เป็นคุณคิมิโกะนี่ล่ะที่นำพาชินจังมาสู่ความแฟนตาซีแบบรู้สึกสัมผัสได้จริงมากขึ้นยิ่งกว่าทุกภาคด้วย เพราะเป็นเรื่องวิชาศิลปะป้องกันตัวที่เหนือจริงได้ตลก แต่ไม่ถึงขั้นพิสดาร และเรื่องราวตัวร้ายที่ใช้ราเม็งมอมเมาผู้คนก็เหมือนสอนเรื่องยาเสพติดเป็นสิ่งชั่วร้ายไปในตัว คือลงตัวมากไม่เว่อเกินไปครับ

ในภาคกังฟูนี้ เล่าเรื่องในมุมหนึ่งของเมืองคาซึคาเบะ บ้านเกิดของเหล่าจิ๋วแสบ เมื่อคาซาโอะมีท่าทีกล้าหาญเปลี่ยนไปจากเคย ทั้งยังทำท่าทางแปลก ๆ อย่างการร่ายรำแบบหนังจีน เหล่าเพื่อน ๆ แก๊งชินจังจึงต้องแอบสะกดรอยสู่ย่านไอ๋หยาทาวน์ ที่เป็นชุมชนจีนของเมือง และได้พบว่าคาซาโอะจอมขี้ขลาดมาแอบฝึกกังฟูวิชาเพลงหมัดดุ๊กดิ๊กอยู่กับคุณตาเจ้าสำนักดุ๊กดิ๊ก ซึ่งมีศิษย์พี่เป็นสาววัยรุ่นสุดสวยชื่อ รันจัง ด้วย และเพราะรันจังนี่เองที่ทำให้ชินจังขมีขมันนำพาเพื่อน ๆ ในแก๊งฝึกวิชาเป็นเพื่อนคาซาโอะคุง โดยหวังได้ใกล้ชิดกับรันจังนั่นเอง ซึ่งด้วยความพริ้วไหวของชินจังแต่ใดมา ก็ทำให้เขาสามารถฝึกกระบวนท่าดุ๊กดิ๊กสำเร็จอย่างรวดเร็ว จนคาซาโอะที่เรียนมาก่อนเริ่มน้อยใจ

ในอีกด้านร้านราเม็งชื่อดังอย่าง แบล็คแพนด้าราเม็ง แห่งย่านไอ๋หยาทาวน์ ก็ได้รุกขยายตลาดด้วยราเม็งที่ทำให้ใครที่ทานต่างหน้ามืดตามัวโหยหาแบล็คแพนด้าราเม็ง ทั้งยังทำให้อารมณ์แปรปรวนดุร้ายไม่ต่างจากซอมบี้เลยทีเดียว และสำนักวิชาดุ๊กดิ๊กก็เป็นพื้นที่ที่แก๊งแบล็กแพนด้าต้องการฮุบเอาไปสร้างโรงงานผลิตราเม็งมอมเมาผู้คนด้วยเช่นกัน ภัยร้ายจึงมาสู่สำนักวิชาของเหล่าเด็ก ๆ และสู่ชาวเมืองที่ทยอยกลายเป็นทาสราเม็งไปอย่างช่วยไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของศิษย์สำนักกังฟูดุ๊กดิ๊กทั้งเล็กใหญ่จะต้องร่วมมือกันต่อกรกับสุดยอดวิชาจี้จุดของหัวหน้าแบล็กแพนด้าให้จงได้

สิ่งที่ชอบเลยสำหรับภาคนี้ก็คือการที่หนังไหลลื่นไม่สะดุด มีเหตุส่งผลเป็นลำดับไม่ยัดเยียดเอาเลยเถิดอะไรจะเกิดก็ได้แบบการ์ตูนไร้เหตุผล ทั้งยังให้คติข้อคิดที่อึ้งพอสมควรเพราะไม่ได้สอนเด็กว่าโลกนี้มีแค่ขาวกับดำเท่านั้น แต่ฮีโร่ที่จริงจังเกินไปหรือขาวที่ขาวเกินไปอาจทำร้ายคนรอบตัวและตนเองได้อย่างไม่รู้ตัว ดีสุดคือการเดินสายกลางรู้จักเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนั่นเอง และสิ่งที่สำคัญสุดคือการมีหัวใจที่สนุกสนานและอยากมอบรอยยิ้มให้ผู้อื่นอยู่เสมอนั่นเอง เรียกว่ามาเหนือการ์ตูนเด็กธรรมดาไปมากทีเดียว และสิ่งที่หนังชินจังมีถ่ายทอดเสมอมาและดีมาก ๆ ก็ยังคงทำได้ดีในภาคนี้นั่นคือ ความรักของครอบครัว พ่อแม่ลูก ที่ไม่ว่าจะเกิดเจอภยันตรายใด ๆ แปลกประหลาดขนาดไหน ก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน และพร้อมปกป้องกันและกันเสมอ

ฉากการต่อสู้หรือแอ็กชั่นที่เป็นหัวจิตหัวใจของภาคนี้ก็ทำได้หลากหลายมาก ทั้งคู่ต่อสู้ที่มาแบบการ์ตูนตลกเอาฮา และตัวร้ายแบบเก่งจริงจังจนเราต้องลุ้นเอาใจช่วยตัวเอก ทำให้ตลอดการเดินเรื่องรู้สึกท้าทายไม่มีอะไรที่เดาได้ ยิ่งเจอมุกบอสที่แท้จริงกับไคลแม็กซ์ดวลท่าไม้ตายนี่ อึ้ง ขำ และมันมาก ๆ

ส่วนมุกตลกนั้นก็กลมกลืนขึ้น ไม่ค่อยเจอมุกแบบหื่นทะลึ่งเอาอย่างเดียวแบบแต่ก่อน ซึ่งมุกทะลึ่ง ๆ ก็ยังมีอยู่แต่อย่างมากก็คือโชว์ก้นไม่มีโชว์ด้านหน้าให้อึดอัดใจ แถมการโชว์ก้นก็เป็นมุกที่เป็นไปแบบสมเหตุสมผลไม่ได้เรื่อยเปื่อยนึกอะไรไม่ออกก็ถอดแบบนั้น จึงเหมาะกับการไปดูทั้งครอบครัวมาก ๆ และให้ดีพ่อแม่ก็ควรสอนลูก ๆ ไปขณะดูด้วยจะเกิดประโยชน์ที่สุดครับ ชินจัง จอมแก่น เดอะมูฟวี่ ตอน เจ้าหนูกังฟูดุ๊กดิ๊ก

บทความที่น่าสนใจ